สำหรับผู้ประกอบการ SME หลายท่านที่กำลังสนใจจะนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ แน่นอนว่ามันมีส่วนดีในการเพิ่มทั้งยอดขายและทำให้สินค้าเป็นที่รู้จัก แต่การนำเข้าไปขายไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และวันนี้ G2B อยากมาแนะนำขั้นตอนที่ร้านสะดวกซื้อจะพิจารณาสินค้านำเข้าไปขายว่ามีอะไร และเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ว่าแล้วไปดูกันเลยครับ

มีอะไรที่ไม่ควรมองข้ามบ้าง

ก่อนอื่นต้องบอกกันก่อนว่าร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยมีหลากหลายร้าน และแต่ละร้านจะมีกฎเกณฑ์การคัดเลือกสินค้าที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ในด้านการตรวจสอบคุณภาพสินค้าจะอยู่ในแนวทางเดียวกัน เพราะว่าร้านเหล่านี้จะยึดมาตรฐานระดับสากลเป็นหลัก ฉะนั้นเราต้องมาดูในส่วนของสินค้าเราเป็นหลักกันก่อน

ต้องมีมาตรฐาน

เรียกว่าเป็นสิ่งแรกที่ร้านสะดวกซื้อจะให้ความสำคัญในทันทีที่คุณมาเสนอสินค้า โดยเขาจะตรวจสอบมาตรฐานของสินค้าในทันทีว่าสามารถนำมาวางขายภายในร้านได้หรือไม่ สำหรับมาตรฐานที่ร้านสะดวกซื้อมองเป็นหลักมีดังนี้

อย. : เรียกว่าเป็นมาตรฐานที่สินค้าทุกชิ้นต้องผ่านสำหรับ อย. หลัก ๆ แล้วสินค้าต่าง ๆ จะตรวจสอบโดยใช้มาตรฐานบังคับ ที่ต้องผ่านก่อนจึงจะวางจำหน่ายได้ โดย สินค้าจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพการใช้งาน ตัวอย่างข้อกำหนดด้านคุณภาพ ได้แก่ ปริมาณสารออกฤทธิ์ ปริมาณสารปนเปื้อน คุณสมบัติทางกายภาพและเคมี เป็นต้น ตัวอย่างข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ได้แก่ ความเป็นพิษ ความเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เป็นต้น ตัวอย่างข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพการใช้งาน ได้แก่ ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด เป็นต้น

เลขที่จดแจ้ง : สำหรับธุรกิจประเภทเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากนั่นคือ เลขที่จดแจ้ง ซึ่งเป็นหมายเลข อย.อีกแบบหนึ่งที่จะออกเฉพาะกับเครื่องสำอางเท่านั้น โดยเกฎเกณฑ์หลัก ๆ ที่จะใช้ในการพิจารณาได้แก่ ชื่อการค้าและชื่อเครื่องสำอาง, ประเภทของเครื่องสำอาง, วัตถุดิบที่ใช้, สูตรตำรับเครื่องสำอาง,ฉลากเครื่องสำอาง และ สถานที่ผลิตหรือนำเข้าเครื่องสำอาง ซึ่งแต่ละหัวข้อจะมีกฎเกณฑ์แยกย่อยแตกต่างกันไป หากสรุปหลัก ๆ แล้วคือต้องไม่ใช้ชื่อที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือ คำต้องห้าม, ประเภทการใช้ต้องระบุให้ชัดเจน, วัตถุดิบและสูตรการทำต้องมีความปลอดภัย, ฉลากมีการระบุอย่างชัดเจน และสถานที่ผลิตต้องได้รับมาตรฐาน

มาตรฐานสากลต่าง ๆ : ในส่วนนี้จะเป็นมาตรฐานสากลที่หากสินค้าของคุณผ่านมาตรฐานเหล่านี้ จะช่วยให้การพิจารณานำสินค้ามาวางขายในร้านสะดวกซื้อเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น ในด้านอาหารจะมี ISO 22000 ที่รับรองความปลอดภัยของอาหารทั่วโลก, GMP หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตที่ตรวจสอบกระบวนการผลิตในโรงงานว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ รวมไปถึงในมาตรฐานส่วนของศาสนาอย่าง HALAL สำหรับสินค้าที่ต้องการขายกับลูกค้าที่นับถือศาสนาอิสลาม เพื่อยืนยันว่าสินค้าของเราไม่มีส่วนผสมของสุกร

ความพร้อมในการผลิตสินค้า

อีกหนึ่งสิ่งที่ SME หลายเจ้าอาจมองข้ามไป และถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากมากอีกด้วย นั่นคือความพร้อมในการผลิตสินค้าว่ามีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการที่ร้านสะดวกซื้อแจ้งมาหรือไม่ จากข้อมูลการวิจัยเรื่อง “การประยุกต์ใช้กฎความสัมพันธ์เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ ของนักศึกษาด้วยเทคนิคเหมืองข้อมูล กรณีศึกษา: ร้านสะดวกซื้อบริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด” พบว่าร้านสะดวกซื้อต้องการให้ผลิตสินค้าอย่างต่ำ 10,000 ชิ้นต่อเดือน และ 120,000 ชิ้นต่อปี

ซึ่งกำลังผลิตระดับดังกล่าวอย่างน้อยต้องลงทุนในส่วนของโรงงานเพื่อให้สามารถทันต่อการผลิตได้ นั่นหมายความว่าต้องใช้เงินทุนระดับหนึ่ง และยังต้องทำความเข้าใจต่อมาตรฐานต่าง ๆ ของโรงงาน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สินค้าหลุด QC จนกลายเป็นประเด็นได้ในอนาคต ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบอย่างมากว่าเราสามารถรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนนี้ได้หรือไม่ และคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือเปล่า

ตั้งราคาสินค้าให้เหมาะสม

ในส่วนนี้ร้านสะดวกซื้อหลายร้าน มักจะให้ทางผู้ผลิตสินค้าตั้งราคาเริ่มต้นขึ้นมาเพื่อใช้ในการพิจารณาเพิ่มเติม ในส่วนนี้ร้านสะดวกซื้อจะมองเกณฑ์มาตรฐานและคุณภาพของสินค้าว่าเป็นอย่างไร และเราต้องไม่ตั้งราคาถูกหรือแพงจนเกินไป ส่วนนี้เราต้องคำนวณทั้งต้นทุนและกำไรอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเสนอราคาขายของสินค้าไป แต่อย่าลืมว่าร้านสะดวกซื้อก็สามารถกำหนดราคาให้เราแทนได้ ตรงนี้ต้องคิดว่าราคาที่ร้านสะดวกซื้อโอเคมันคุ้มค่าที่เราลงขายในร้านหรือไม่

จากที่เห็นว่าการนำสินค้าเข้ามาขายในร้านสะดวกซื้อ มีมาตรฐานที่ค่อนข้างเข้มงวดอย่างมาก และอาจต้องลงทุนสำหรับการผลิตเพิ่มเติม ฉะนั้นจากทั้งหมดอาจต้องคิดพิจารณาถึงความคุ้มค่าก่อน เพื่อไม่ให้สิ่งที่ลงทุนมาสร้างกำไรได้น้อยไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ อย่างไรหากคุณต้องการนำสินค้าขึ้นขายในร้านสะดวกซื้อ แต่ยังไม่มั่นใจในทิศทางธุรกิจของตนเอง ทาง G2B สามารถให้คำแนะนำเพื่อช่วยเหลือการพาสินค้าของคุณไปถึงเป้าหมาย รวมถึงบริการช่วยเหลือด้านการตลาดให้สินค้าของคุณกลายเป็นสินค้าขายดีด้วย

หากสนใจสามารถติดต่อเราได้ดังนี้

MARKETING CONSULT

MARKETPLACE MARKETING

IMC PLAN

Kaikong Social Media Marketing

Production

ติดตามเนื้อหาเพิ่มเติมของ G2B ได้ที่ Facebook และสามารถติดต่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ของเรา

ข้อมูลอ้างอิง

Marketingoops

Cogistics

Derma-innovation

Smartsme

So06.tci-thaijo

inquiry form